ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

สุดโรแมนติก ณ ควิเบก แคนาดา


เมืองควิเบก quebec city
เที่ยวตามรอยซีรีส์ Goblin เมืองประวัติศาสตร์ สุดโรแมนติก ณ ควิเบก แคนนาดา
ควิเบก เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของแคนนาดา เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติ ประวัติศาสตร์เก่าแก่ และเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมที่สำคัญ อีกทั้งเป็นเมืองโรแมนติกที่สุดเมืองหนึ่ง ซึ่งเราสามารถเที่ยวได้ทุกฤดูและเที่ยวได้ตลอดปีอีกด้วย องค์การยูเนสโกยังจัดให้เมืองควิเบกเป็นมรดกโลกในปี 1985
เที่ยวตามรอยซีรีส์ Goblin เมืองประวัติศาสตร์ สุดโรแมนติก ณ ควิเบก แคนนาดา
ในอดีต เมืองควิเบก ถูกค้นพบและสร้างเป็นอาณานิคมฝรั่งเศสใหม่ โดยนักสำรวจชาวฝรั่งเศสชื่อว่า ซามูเอล เดอ ชอมแปลง (Samuel de Champlain) ภายหลังถูกโอนให้เป็นของอังกฤษ แต่ประชากรส่วนใหญ่กว่า 80% ใช้ภาษาฝรั่งเศส จึงทำให้ควิเบกเป็นดินแดนที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสมากที่สุดของอเมริกาเหนือ และประกาศให้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาทางการ (ส่วนภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการของประเทศแคนาดา)
วัฒนธรรมของที่นี่จะเป็นแบบฝรั่งเศส แต่ชาวควิเบกส่วนใหญ่มักดำเนินชีวิตแบบผสมผสาน ทั้งในแบบฝรั่งเศสและอังกฤษ เช่น เวลาอาหารเย็นของชาวควิเบกจะเป็นแบบอังกฤษ คือจะเริ่มรับประทานตั้งแต่ประมาณ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป แต่ก็นิยมดื่มกาแฟมากกว่าชา ชาวควิเบกบางส่วน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ยังนิยมรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ดแบบอเมริกันด้วย

Dufferin Terrace
ดัฟเฟริน เทอร์เรซ

Dufferin Terrace ดัฟเฟริน เทอร์เรซ
เพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่ดีที่สุดในเมืองควิเบก (Quebec City) ซึ่ง Dufferin Terrace (ดัฟเฟริน เทอร์เรซ) คือทางเดินริมแม่น้ำที่อยู่ใต้ Fairmont Château Frontenac โรงแรมสุดหรูที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง ตกแต่งสไตล์ปราสาท
เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เราสามารถเดินชมเมืองเก่าควิเบก โดยมีวิวสวยๆ ของแม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ (Saint Lawrence River) ขนาบข้าง เมื่อเดินไปตามทางจะพบสวนสาธารณะขนาดใหญ่ Park Canada’s Dufferin Terrace ผู้คนจะอกมานั่งพัก ทำกิจกรรมกัน หรือเดินชมปืนใหญ่ ซากปรักหักพังของป้อมปราการที่เคยปกป้องเมือง แวะชมรูปปั้นนักสำรวจ ซามูแอล เดอ ช็องแปล็ง ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเมือง ก็ได้
Dufferin Terrace ดัฟเฟริน เทอร์เรซ
Dufferin Terrace ดัฟเฟริน เทอร์เรซ
Dufferin Terrace ดัฟเฟริน เทอร์เรซ
Dufferin Terrace ดัฟเฟริน เทอร์เรซ
ฉากในซีรีส์ Goblin ที่พระเอกมาระลึกถึงชีวิตตัวเองและคนดูแลเขา ตลอดอายุกว่า 900 ปี
ฉากในซีรีส์ Goblin
ฉากในซีรีส์ Goblin เป็นฉากที่พระเอกกำลังพานางเอกไปกินสเต็ก
mygola
ขอบคุณภาพ mygola

เปอตี ช็องแปล็ง
(Quartier Petit-Champlain)

เปอตี ช็องแปล็ง (Quartier Petit-Champlain) ที่เที่ยวคิวเบก แคนนาดา
ในซีรีส์ Goblin ที่ เปอตี ช็องแปล็ง เป็นฉากแรกที่พระเอกพานางเอกมาแคนนาดาด้วยความบังเอิญ เป็นย่านเมืองเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป ยังคงกลิ่นอายสไตล์ฝรั่งเศส เป็นตรอกอาคารหินเก่า ขายของหลากหลายที่เราสามารถเดินเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และอาหารที่ปรุงสดใหม่
เปอตี ช็องแปล็ง (Quartier Petit-Champlain)

จัตุรัสปลาส รอยาล (Place Royale)

จัตุรัสปลาส รอยาล (Place Royale)
จัตุรัสปลาส รอยาล เป็นพลาซ่าขนาดเล็กที่มีเสน่ห์ดึงดูด เคยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเมืองและเป็นบริเวณเริ่มก่อตั้งเมืองควิเบก ตั้งอยู่ในเมืองตอนล่างของเมืองควิเบก
ปลาส รอยาล เป็นจัตุรัสเมืองหินกรวดอันเลื่องชื่อกั้นด้วยอาคารต่างๆ ในช่วงศตวรรษที่ 17 และ 18 ที่นี่เป็นถิ่นกำเนิดของอเมริกันฝรั่งเศส เนื่องจากชุมชนฝรั่งเศสแห่งแรกเริ่มขึ้นที่นี่ในปี 1608 เป็นแหล่งการค้าหลักของเมืองและเป็นศูนย์กลางในการทำธุรกิจเป็นเวลามากกว่า 200 ปี นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ใช้ประหารอาชญากรในยุคแรกเริ่มด้วย จัตุรัสและบ้านเรือนต่างๆ ตกอยู่ในสภาพทรุดโทรมในช่วงทศวรรษ 1880 จากนั้นได้รับการฟื้นฟูหรือบูรณะระหว่างปี 1960 และ 1980
จัตุรัสปลาส รอยาล (Place Royale)
จัตุรัสปลาส รอยาล (Place Royale)
จัตุรัสปลาส รอยาล (Place Royale)

โบสถ์นอทร์ ดาม เด วิกตัวร์
( Church Notre-Dame-des-Victoires)

จัตุรัสปลาส รอยาล (Place Royale)
ตั้งอยู่ที่ จัตุรัสปลาส รอยาล (Place Royale)เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง ชมความงามของงานศิลป์และแท่นบูชาที่มีลักษณะคล้ายป้อมปราการ อีกทั้ง ใกล้ๆ กันยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงศิลปวัตถุโบราณอายุกว่า 5,000 ปี และอิ่นๆ เป็นต้น
จัตุรัสปลาส รอยาล (Place Royale)
place-royale-49419

อาคารรัฐสภาแห่งควิเบก
(Parliament Hill of Québec)

อาคารรัฐสภาแห่งควิเบก (Parliament Hill of Québec)
เดินเล่นชมสวนและอนุสรณ์ต่างๆ เป็นที่ตั้งของรัฐบาลประจำรัฐควิเบก ตั้งอยู่ท่ามกลางสวน อนุสรณ์ และทางเดินอันงดงาม อาคารนี้ตั้งอยู่บนยอดพาเลียเมนท์ฮิลล์มาเป็นเวลากว่าหนึ่งศตวรรษ นอกจากนี้เรายังสามารถเดินชมความงามของสถานที่แห่งนี้ได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือชมวิวเมืองจากมุมสูงที่ Observatoire de la Capitale บนชั้น 31 ของอาคาร Marie-Guyart ซึ่งสามารถเดินไปถึงได้จากอาคารรัฐสภาภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที ที่นี่เป็นจุดสูงสุดในเมืองควิเบก ด้วยความสูง 221 เมตร
น้ำพุ Fontaine de Tourny ตั้งอยู่โดดเด่น ที่มีหุ่นสลักเล็กๆ ทางด้านหน้าของอาคารรัฐสภา
น้ำพุ Fontaine de Tourny

วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

แหล่ช้อปปิ้งน่าสน!!แดนกิมจิ


               1. Itaewon-dong (อิ แท วอน ดง) 
           แหล่งช้อปปิ้งที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ที่นี่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์ของนักช้อป(โดยเฉพาะผู้ที่ซื้อของแล้วชอบต่อรองราคาเป็นถนนที่มีความยาวให้เดินช้อปกันจนเมื่อย ตั้งแต่ สี่แยก อิแทวอนไปจนถึงฮันนัมดง มีร้านค้ามากกว่า 2,000 ร้าน แผงลอยอีก 400 กว่าแผง มีทั้งเสื้อผ้าสำเร็จรูป กระเป๋าหนังงานฝีมือชั้นดี อัญมณีและเครื่องประดับต่างๆ กระเป๋าถือ ชุดเสื้อหนาวแบบขนในราคาถูก เครื่องหนังที่ทำจากหนังปลาไหล หรือร้านขายโบราณวัตถุ งานศิลปะเกาหลีฯลฯ และสินค้าอีกเยอะแยะมากมายให้เลือกเดินซื้อกันอย่างไม่เกรงใจเงินในกระเป๋า เมื่อซื้อของเหนื่อยก็จะมีร้านขายอาหารพื้นเมืองยาวเหยียด ให้แวะทาน มีคลับ และบาร์ ร้านขายของที่ระลึก เรียกได้ว่าครบครันให้เลือกสรรกันจริงๆ ในแถบนี้จะเป็นที่พักของชาวต่างชาติในเกาหลี มีสินค้าให้เลือกมากมายในราคาน่าซื้อ อาหารนานาชาติก็มี เช่น อาหารไทย เยอรมัน อินตาเลี่ยน อินเดียฯ ทั้งนี้ในยามค่ำคืน ถนน อีแทวอน ก็จะกลายเป็นบริเวณที่สนุกตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจสำหรับคนชอบเที่ยวกลางคืนอีกด้วย
ย่าน Itaewon-dong (อิ แท วอน ดง)
ย่าน Itaewon-dong (อิ แท วอน ดง)
เวลาเปิด-ปิดแต่ละร้านจะเปิด ปิดไม่ตรงกัน แฮมิลตันช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ ปิดทุกวันอังคารที่2 ของเดือน
ตลาดอิแทวอน (Itaewon) ปิดทุกวันอังคารที่2 และ 4 ของเดือน
การเดินทาง สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 9 มาลงที่ Itaewon station ทางออกที่ 1



2. Myeong-dong (เมียงดง/มยองดง) 
         ตลาดมยองดงคือแหล่งช้อปปิ้งอันดับต้นๆ ของเกาหลี บรรดานักช้อปจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นแหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนม เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ร้านอาหาร ร้านค้าแผงลอย มากมาย สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโซล ถ้าจะเปรียบย่านนี้กับบ้านเรา ก็จะคล้ายกับสยาม นั่นเอง ก็คือเป็นแหล่งรวมหนุ่มหล่อสาวสวย น่ารัก วัยใสมาเดินเล่นช้อปปิ้งกันอย่างเนืองแน่นเลยก็ว่าได้ มยองดงถือว่าเป็นตลาดเครื่องสำอางค์ของเกาหลี เพราะจะรวมเอาไว้แทบจะทุกยี่ห้อที่มีอยู่ในเกาหลีเลย ราคาสินค้าในแต่ละร้านก็จะเท่ากันหมดทุกอย่าง ยกเว้นซะแต่ร้านไหนที่จะมีวิธีเรียกลูกค้าให้เข้าร้านได้น่าสนใจมากกว่ากัน นั่นคือ ของแถม บางร้านก็จะเรียกลูกค้าให้เข้ามาซื้อของโดยการให้ของแถมเยอะกว่าร้านอื่นก็มี เสน่ห์อีกอย่างของมยองดงคือ อาหารพื้นเมืองของเกาหลี ที่จะวางขายกันตามรถเข็นข้างทางมากมายให้เลือกทาน เป็นรสชาติดั้งเดิมแบบเกาหลีแท้เชียวนะถ้าใครได้ไปแนะนำให้ไปลองชิม ไอศครีม ซอฟต์ครีมสูงๆยาวๆ เป็นของขึ้นชื่อของตลาดเค้าล่ะ
ย่าน Myeong-dong (เมียงดง/มยองดง)
ย่าน Myeong-dong (เมียงดง/มยองดง)
เวลาเปิดปิด 10.00-23.00 (เวลาเปิดปิดร้านค้าต่างๆจะไม่เหมือนกัน)
การเดินทาง รถไฟใต้ดิน Seoul Subway สาย 4 ลงสถานี Myeong-dong 404 ทางออกที่ 6 จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายตรงหัวมุมร้าน มิแกลิออร์(Migliore) ซึ่งทั้งโซนนี้จะเป็นของตลาดมยองดง
หรือรถไฟใต้ดินสาย 2 ลงสถานี Euljiro-ga 202 ทางออกที่6



3. Namdaemun Market (ตลาดนัมแดมุน) 
         ตลาดนี้อยู่ใกล้ตลาดมยองดงแค่นิดเดียว ถ้าหากใครเดินช้อปยังไม่จุใจและไม่เหนื่อยก็เดินมาอีกไม่ไกลก็ถึงตลาดนัมแดมุนแล้วนะ ตลาดนัมแดมุนก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่นักช้อปไม่ควรพลาด เพราะเป็นตลาดดั้งเดิมที่เปิดมายาวนานมากตั้งแต่ปี ค.ศ.1964 เป็นแหล่งขายส่งที่ใหญ่ที่สุดในโซล สินค้าก็มีมากมายหลากหลายให้เดินเลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า เครื่องประดับ งานฝีมือ อาหาร สินค้านำเข้า แหล่งขายส่งสินค้า ที่สำคัญสินค้าส่วนใหญ่มาจากผู้ผลิตโดยตรง บรรดาเหล่านักช้อปอาจจะพอใจในเรื่องของราคาที่น่าจับจ่ายอย่างแน่นอน มีทั้งโซนที่เป็นตลาดที่อยู่กลางแจ้ง และโซนที่เป็นศูนย์กลางแหล่งช้อปปิ้งสมัยใหม่ เช่น ห้างเมโซ ในส่วนของโซนอาหารเหล่านักชิมก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน รับรองสินค้าเขาเยอะแยะมากมาย เดินช้อปกันเพลินเจริญใจ ทั้งยังมีในส่วนของอาหารแห้ง โสม ขนมนำเข้า กิมจิ สาหร่ายฯลฯ มีให้เลือกครบกันกันจริงๆที่นัมแดมุน
Namdaemun Market (ตลาดนัมแดมุน)
Namdaemun Market (ตลาดนัมแดมุน)
เวลาเปิด ปิด ร้านค้า 10.30-02.00 ร้านขายอาหาร 10.30-18.00 น ปิดทุกวันอาทิตย์
การเดินทาง รถไฟใต้ดินสาย 4 สถานี Hoehyeon 425nทางออกที่5 จะเป็นตลาดกลางแจ้งให้เดินย้อนไปทางขวาก็จะเป็นทางเข้าตลาด


4. Shinsegae Duty Free ห้างชินเซเก 
          เป็นห้างเพิ่งเปิดใหม่เมื่อกลางปี 2016 นี้เอง มีสินค้าให้เลือกหลายอย่าง ตั้งแต่เสื้อผ้า, เครื่องใช้ไฟฟ้า ของฝาก, อาหาร, ขนม, LINE, KAKAO โดยเฉพาะเครื่องสำอางค์ แบรนด์เกาหลีดังๆมีให้เลือกมากมายครบครัน ทุกระดับราคา แถมราคาส่วนใหญ่ยังถูกกว่าข้างนอกเพราะไม่มีภาษี แล้วก็ไม่ต้องยุ่งยากไปขอภาษีคืนทีหลังด้วย  การเดินทางไปช้อปก็สะดวกมาก เพราะตั้งอยู่กลางเมืองติดกับย่านช้อปปิ้งเมียงดงที่เดินถึงกันได้ง่ายๆเลย แต่ที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้ห้างนี้เค้ามีแจกคูปองเที่ยวฟรี และลดแลกแจกแถมอีกมากมาย ขนาดที่ว่าใครไปเที่ยวเกาหลีแล้วไม่ได้ไปใช้คูปองนี้ ถือว่าพลาดมากทีเดียว

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
เวลาเปิด ปิด วันจันทร์-พฤหัสบดี 10:30 – 20:00 / ศุกร์-อาทิตย์ และวันหยุดต่างๆ 10:30 – 20:30
การเดินทาง
– จากสถานีรถไฟใต้ดิน Myeong-dong Station สาย Subway Line 4 ให้ออกที่ทางออก Exit 5 หรือ 7 แล้วเดินต่ออีกประมาณ 300 เมตรก็ถึง
– จากสถานีรถไฟใต้ดิน Hoehyeon Station สาย Subway Line 4 ให้ออกที่ทางออก Exit 7 แล้วเดินต่ออีกประมาณ 100 เมตรก็ถึง



   5. Coex Mall (ศูนย์การค้าโคเอ็กซ์) 
         หนึ่งในแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังในเกาหลีที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก จุดเด่นของที่นี่เขาก็มีสินค้าที่หลากหลาย อีกทั้งราคาก็ยังเป็นที่ถูกใจบรรดานักช้อปด้วยเหมือนกัน ศูนย์การค้าแห่งนี้ ตั้งอยู่ในอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ มีทั้งหมด 55 ชั้น เป็นที่ตั้งของหน่วยงานทางการค้า และหอจัดประชุมและมีการจัดแสดงโชว์สินค้าอยู่เป็นประจำ ที่สำคัญเป็นแหล่งช้อปปิ้งปลอดภาษีอีกแห่งในกรุงโซล จึงไม่แปลกที่จะมีนักท่องเที่ยวมาเดินช้อปสินค้าปลอดภาษีกันเป็นจำนวนมาก และที่สำคุญ ที่นี่มี Lotte Duty Free แหล่งช้อปปลอดภาษีที่ใหญ่มากอีกแห่งใจกลางกรุงโซล มีสินค้าแบรนด์เนม ให้เลือกกันอย่างมากมาย ทั้งเครื่องสำอางของญี่ปุ่นหลากหลายแบรนด์ และนักท่องเที่ยวก็ยังหาซื้อโสมได้ในศูนย์โสมของรัฐบาลเกาหลี ที่มาตั้งสาขาที่นี่ให้ได้ช้อปอีกด้วย ภายในศูน์การค้าก็ยังมีศูนย์อาหารนานาชาติ ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว มีโรงภาพยนตร์มากถึง 16 โรง พิพิธภัณฑ์กิมจิที่นักท่องเที่ยวสามารถเรียนทำอาหารเกาหลีเองได้ โซน Coex Aquarium เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาชมความงามของสัตว์น้ำนานาพันธ์ได้เป็นอย่างมากในแต่ละวัน


เวลาเปิด ปิด 10.30-22.00 เปิดทำการทุกวัน
การเดินทาง รถไฟใต้ดินสาย2 ลงสถานี Samseung ทางออกที่5 จะเป็นทางเชื่อมไปยังห้างได้
หรือจะเลือกมารถบัส สาย 142,360,363,730,3412,3417,3422,4420,9407,2413,9413, โดยรถบัสจะมาจอดไกล้ๆสถานี Samseung นั่นเอง


 6. Dongdaemun Market ตลาดทงแดมุน
          เป็นตลาดที่มีสินค้าหลากหลายและทันสมัยแหล่งช้อปเสื้อผ้าแฟชั่นชื่อดัง ราคาก็ไม่แพง เป็นตลาดที่มีร้านค้ามากมาย ห้างสรรพสินค้าที่ทันสมัยมากกว่า 20 แห่ง ตั้งอยู่บริเวณ อินจิมุน หรือประตูตะวันออก เป็นแหล่งขายสินค้าประเภท เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องหนัง ที่นอน เครื่องใช้ภายในบ้าน อุปกรณ์กีฬา รองเท้าฯ ตลาดทงแดมุนก็เป็นตลาดที่ขึ้นชื่ออีกแห่งของเกาหลีเช่นกัน และก็ถือว่าเป็นตลาดค้าปลีกและค้าส่งเสื้อผ้าแฟชั่นที่ใหญ่ในเกาหลีอีกแห่ง ที่นี่เขามีการจัดระเบียบโซนในการจำหน่ายสินค้าได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วย ทำให้บรรดานักท่องเที่ยวที่มาเดินช้อป สะดวกในการเดินหาซื้อของได้ง่าย จะคึกคักกันมากในตอนเย็นๆ และก็จะมีช่างภาพมาเก็บภาพสวยๆอยามค่ำคืนกันเยอะทีเดียว และที่นี่ยังเปิดให้ชิ้ปกันจนถึง ตี 5 เชียวแหละ

ตลาดทงแดมุน
ตลาดทงแดมุน
เวลาเปิด ปิด 10.30-05.00
GPS: 37.570253,127.006321
การเดินทาง รถไฟใต้ดิน สาย 1,สาย4ลงสถานี Dongdaemun Station ทางออกที่ 4, 8, 9

   7. Ewha Shopping Street (ย่านอีฮวา) 
       ตั้งอยู่หน้า ม.สตรีอีฮวา (Ewha Womens University)แหล่งช้อปปิ้งอีกแห่ง ที่น่าไปเดินช้อปและไม่ควรพลาดและเนื่องจากเป็นสถานที่ตั้งอยู่ใกล้ มาหาวิทยาลัยสรี ร้านค้าแถบนี้จึงเน้นไปที่สินค้าสำหรับสาวๆ ผู้หญิงๆ วัยรุ่น แฟชั่น อินเทรนด์กว่าหลายๆแหลาง และในสองข้างทางของย่านนี้ จะมีความหลากหลายทั้งร้านเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ที่ส่วนใหญ่ จะเป็นร้านสินค้าอินเทรนแบรด์นของเกาหลี ที่มีสไตล์แบบเกาหลี สาวกเกาหลีคงจะชื่นชอบกันแน่ๆหากมาช้อปในย่านนี้ เรื่องราคาจะบอกว่า น่าควักกระเป๋าจ่ายกันอยู่ ระดับราคาสินค้าอยู่กลางๆ และยังมีห้างใหญ่อย่าง Yes aPm ที่มีสินค้าให้เลือกกันอย่างมากมายและร้านขายของย่านนี้ก็มักจะมีการลดราคากันอยู่เป็นประจำ สวรรค์สำหรับนักชิมก็มี เรียกว่า ถนน school food ที่มีร้านอาหารมากมาย แบบฟาสฟู๊ดส์ ก็มีหรืออาหารสไตล์เกาหลีก็มี ร้านหรูหรา หรือร่นแบบแผงลอย มีให้เลือกชิมลิ้มลองรสชาติกันแบบลืมอ้วนเป็นแน่

ย่านอีฮวา
ย่านอีฮวา
เวลาเปิด ปิด 10.00-20.00
การเดินทาง รถไฟใต้ดินสายสีเขียว มาลงสถานี Ehwa Woman University ทางออกหมายเลข 2,3 จากนั้นก็เดินตรงมาเรื่อยๆก็จะเป็นย่าน Edea และสุดถนนก็จะเป็นเขต มหาวิทยาลัย Ehwa


    8. Garosu-gil ถนนกาโรซูกิล 
         ว่ากันว่า ถนนสายนี้เป็นย่านช้อปปิ้งของไฮโซ และหนุ่มสาวหน้าตาดีมาเดินช้อปกัน เป็นแหล่งที่วัยรุ่นแดนโสมรู้จักกันเป็นอย่างดี ถือเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ครบครัน ไปด้วย เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หรือเครื่องประดับอีกแห่งที่น่าเดิน แต่ราคาก็ค่อนข้างแพง อยู่เหมือนกัน จุดเด่นของย่านนี้ก็คงจะเป็นบรรยกาศเพราะถนนเส้นนี้จะสวยที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เป็นการเดินช้อปปิ้งท่ามกลางบรรยกาศที่สวยโรแมนติคกันมากๆเชียวแหละ ร้านค้าแถบนี้ก็จะมีคาเฟ่ ร้านอาหารที่ประดับตกแต่งได้อย่างสร้างสรรค์และโดดเด่น มีทั้งอาร์ตแกลลอรี่ และคาเฟ่ชื่อดังของกรุงโซล สถานที่สวยจนที่นี่เขาเปรียบถนนเส้นนี้ว่าเหมือน ย่านไฮโซในนิวยอร์คเชียวนะ เป็นถนนอาร์ตสุดฮิปที่น่าไปเดินช้อปอยู่ทีเดียว

ถนนกาโรซูกิล
ถนนกาโรซูกิล
เวลาเปิด ปิด 10.00-23.00
การเดินทาง รถไฟฟ้าใต้ดินสาย 3 ลงสถานี Sinsa 337 ทางออกที่ 8 เดินตรงมาอีก 15 นาที ให้สังเกตตึก J-Tower ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนก่อนถึงตึก


9. Apgujeong Rodeo Street (อัพกูจอง) 
         ถนนแห่งแฟชั่นแบรนด์เนมชื่อดัง บรรดาเหล่าขาช้อปทั้งหลายหากได้ยินชื่อถนนแห่งนี้ คงรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะที่นี่คือแหล่งรวมห้างหรูหรา แบรด์นเนมมากมาย เช่น MCM, LOVIS VUITTON , COACH, PRADA, GUCCI และอีกเยอะแยะมากมาย ที่ให้บรรดานักช้อปตัวแม่ไปเดินช้อปกันเพลิน แต่ราคาก็จะแพงพอควร สำหรับย่านนี้ และย่านนี้จะมีตึกสวยๆร้านเก๋ๆจนได้รับฉายาว่า “Beverly Hill Of Korea” โดยเฉพาะเส้น Rodeo street ที่เป็นจุดของสาวกแฟชั่นนิสต้าห้ามพลาด และห้าง Calleria Department Store จะเป็นห้างดังที่โดดเด่นในย่านนี้ เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องสำอางค์ราคาแพง มีให้เลือกมากมาย ที่นี่ห้างนี้ ส่วนฝั่ง West ก็จะเป็นแหล่งช้อปสินค้าแนววัยรุ่น และที่นี่ก็จะโด่งดังมากในเรื่อง สถานเสริมความงามศัลยกรรม สปา และเป็นย่านที่ดาราดังๆของเกาหลีนิยมมาเดินเล่นเดินช้อปกันอีกด้วย เพราะสถานที่นี้ถือว่าจัดอยู่ในระดับที่หรูหราเป็นอย่างมาก

อัพกูจอง
อัพกูจอง
เวลาเปิด ปิด 10.00-22.00
การเดินทาง รถไฟใต้ดินสาย Bundang ลงสถานี Apgujeong Rodeo k 212 ทางออกหมายเลข 2,3
GPS: 37.526875,127.037835

        ย่านช้อปปิ้งของแหล่งร้านค้าแนวใหม่ ไม่เหมือนใคร และตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญเช่น พระราชวังเคียงบกกุง ทำเนียบประธานาธิบดี และในช่วงฤดูใบไม้ร่วงสองข้างทางก็จะเต็มไปด้วยใบไม้สีแดงและสีเหลืองเต็มถนน สวยงามเป็นอย่างมาก และร้านค้าแถบนี้ ก็จะตกแต่งร้านค้าแนวโมเดิร์น หรือสไตล์คาเฟ่น่ารักๆ ร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าก็มีมากมายให้เลือกซื้อ ที่นี่ก็เป็นอีกที่ บรรยกาศดีๆเดินช้อปกันแบบชิลๆ ร้านขายของทอดยาวตั้งแต่พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace)จนสุดทางสวนซัมซอง(Samcheong Park) เดินช้อปปิ้งกันเมื่อยขาแล้วก็ไปนั่งพักนั่งเล่นที่สวน กันต่อเลยก็ยังได้

ย่านช้อปปิ้ง Samcheongdong-gil

เวลาเปิด ปิด 11.00-20.00 เปิดให้บริการทุกวัน
การเดินทาง นั่งรถไฟฟ้าสาย 3 ลงสถานี Gyeongbokgung ทางออกที่5 เดินเลียบกำแพงวัดไปก็จะเจอซัมซองดงกิล


                            









                             อ้างอิง www.chilloutkorea.com

Sintra Portugal


ซิงตรา (Sintra) เมืองมรดกโลก

ซิงตราเป็นเมืองเล็กๆ ห่างจากลิสบอนเพียง 28 กม. เดินทางโดยรถไฟแค่ 45 นาทีก็ถึงแล้ว ใครที่มาลิสบอนก็มักจะเผื่อเวลามาเที่ยวเมืองนี้ด้วยเสมอ ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกในปี 1995 สถานที่หลายแห่งในเมืองนี้ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนด้วย
การเดินทางในเมืองซิงตราสะดวกสบาย จะเดินเท้า นั่งรถตุ๊กตุ๊ก (ใช่แล้ว! รถตุ๊กตุ๊กแบบเมืองไทยเลย) หรือนั่งรถประจำทางก็ตามแต่สะดวก สถานที่แต่ละแห่งมีรถโดยสารไปถึงหน้าทางเข้า และเนื่องจากที่นี่เป็นเมืองฮิตมาก รถโดยสารจึงแน่นเป็นปลากระป๋องแทบจะขี่คอกัน โดยเฉพาะช่วงเวลาขากลับยอดฮิต หรือราว 4-5 โมงเย็น

คินตา ดา ฮือกาไลรา (Quinta da Regaleira)

เราเริ่มต้นเดินเท้าจากสถานีรถไฟไปยังบ้านเศรษฐี คินตา ดา ฮือกาไลรา (Quinta da Regaleira) หนึ่งในบ้านที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เดิมที่นี่สร้างโดยตระกูลฮือกาไลรา พ่อค้าเศรษฐีจากเมืองปอร์โต้ (Porto) ภายหลังขายบ้านนี้ต่อให้กับ คารวาลลู มองเตโร (Carvalho Monteiro) เศรษฐีชาวบราซิล  ผู้เข้ามาเปลี่ยนแปลงทำให้บ้านหลังนี้ไม่เหมือนใครในโลกนี้ เพราะมองเตโรวางแผนสร้างที่นี่ใหม่ให้ตอบสนองความต้องการ ความเชื่อ และจินตนาการอันล้ำลึก โดยมีสถาปนิกชาวอิตาลีมาช่วยสร้างจินตนาการนั้นให้เป็นจริง
เขาผสมผสานการตกแต่งสไตล์ต่างๆ ทั้งโรมัน โรมัน กอธิก เรอเนสซองซ์ และ มานูเอลไลน์ (สไตล์ กอธิกของโปรตุเกส) เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวและเป็นเอกลักษณ์ จากพื้นที่ทั้งหมด 24 ไร่ คาดว่าน่าจะเป็นพื้นที่ของตัวบ้านเพียงแค่ 10% ที่เหลือเป็นสวนป่า บ่อน้ำลึกลับ ทะเลสาบจำลอง โบสถ์ขนาดย่อม พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำส่วนตัว อุโมงค์เขาวงกต ฯลฯ สุดแล้วแต่จะจินตนาการได้ 
ใครวางแผนจะมาที่นี่ ควรเผื่อเวลามาเดินเยอะๆ เนื่องจากเป็นบ้านที่เดินผจญภัยได้อย่างสนุกไม่มีเบื่อเลยทีเดียว

พระราชวังเปนา (Palácio da Pena หรือ Pena National Palace)

จากนั้นเราไปต่อกันที่พระราชวังเปนา (Palácio da Pena) ปราสาทที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเช่นกัน ที่นี่ตั้งอยู่บนยอดเขาซิงตรา ยอดเขาที่สูงที่สุดของเมือง
จากประตูทางเข้า เราสามารถเลือกได้ว่าจะเดินเองผ่านสวนขนาดยักษ์ที่มีต้นไม้มาจากทั่วโลก หรือจะนั่งรถชัทเทิลบัสขึ้นไปยังปราสาทเลยก็ได้
ที่นี่เริ่มต้นจากการเป็นโบสถ์เล็กๆ จนขยายใหญ่โตมาเป็นพระราชวังฤดูร้อนสำหรับราชวงศ์โปรตุเกสในภายหลัง
ก้าวแรกที่เข้ามา ก็รู้สึกได้ถึงความสนุกสนานและสีสันสดใสตามสไตล์เมืองอบอุ่น มีการผสมผสานสไตล์การออกแบบสมัยยุคกลางรวมกับแขกมัวร์เข้าด้วยกัน ผนังบางส่วนประดับด้วยกระเบื้องเซรามิกวาดมือสไตล์โปรตุเกส (Azulejo) ภายในปราสาทยังมีกลิ่นอายการตกแต่งคล้ายกับปราสาทแถวแม่น้ำไรน์ของเยอรมัน เนื่องจากสถาปนิกผู้รับผิดชอบ เป็นชาวเยอรมันที่เชี่ยวชาญการออกแบบสไตล์นี้ ปราสาทแห่งนี้จึงผสมผสานสไตล์การออกแบบของยุโรปเข้าด้วยกันอย่างประหลาดแต่ลงตัว
ชมความสวยงามที่มนุษย์สร้างกันแล้ว ยังมีความสวยงามน่าพิศวงที่ธรรมชาติสร้าง เรากำลังจะไปกันที่เมืองกัชไกช์ (Cascais) เพื่อเที่ยวชม “ปากขุมนรก” (Boca do Inferno) ไปลองค้นหากันดีกว่า ว่าปากขุมนรกมันเป็นอย่างไร

กัชไกช์ (Cascais) แหล่งตากอากาศริมทะเล

กัชไกช์ เป็นเมืองชายทะเลขนาดกลาง กะทัดรัด อยู่ติดริมมหาสมุทรแอตแลนติกอันกว้างใหญ่ไพศาล ในอดีต ที่นี่เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ และเป็นเมืองพักตากอากาศของราชวงศ์โปรตุเกสด้วย ปัจจุบัน ที่นี่ยังคงเป็นเมืองพักตากอากาศยอดฮิตของคนโปรตุเกสไม่เคยเปลี่ยนแปลง

ปากขุมนรก ‘โบคา ดู อินแฟร์โน’ (Boca do Inferno)

เราเลือกมากัชไกช์ด้วยเหตุผลง่ายๆ เพราะอยากรู้จักหน้าตาปากขุมนรกว่าเป็นอย่างไร ที่สำคัญเมืองนี้ห่างจากตัวเมืองลิสบอนเพียงแค่ 30 กม. เป็นเหมือนชานเมืองของลิสบอนเลยก็ว่าได้ หากใครต้องการหลีกหนีความวุ่นวายของเมืองใหญ่ และมาสูดกลิ่นทะเล แนะนำให้นั่งรถไฟตรงมาที่เมืองนี้เลย เพียงแค่ 40 นาทีก็ได้นั่งชมวิวสวยๆ แล้ว
จุดหมายของเราอยู่ห่างจากสถานีรถไฟเพียงแค่ 2 กม. ออกจากสถานีรถไฟไปนิดเดียวก็ถึงย่านใจกลางเมือง เมืองที่นี่มาแนววินเทจ  ตึกรามบ้านช่องเก่ามีสไตล์แต่ไม่โทรม พื้นทางเดินทำเป็นลวดลายคลื่นน้ำ ดูสวยเข้ากับเมืองทีเดียว แม้แต่ตู้ไปรษณีย์ที่นี่ ก็ยังเป็นแนววินเทจไม่แพ้ตัวเมือง
ระหว่างทางไป มีจุดให้แวะชมหลายแห่ง ทั้งวังเก่าและพิพิธภัณฑ์ เป็นเส้นทางเดินสะดวกสบายและมีเลนจักรยานขนานคู่กันไปตลอดทาง เดินชมวิวไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่ริมชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก คลื่นที่นี่รุนแรงมากและส่งเสียงคำรามน่ากลัว กัดเซาะชายฝั่งหินจนเป็นรูพรุน ยิ่งเข้าไปใกล้จุดหมาย ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนกัดเซาะเป็นโพรงหน้าผาขนาดใหญ่ และนั่นก็คือที่มาของ โบคา ดู อินแฟร์โน หรือ ปากขุมนรกแห่งนี้นี่เอง  
นอกจากสองเมืองนี้แล้ว โปรตุเกสยังมีอีกหลายเมืองที่น่าสนใจ ค่าครองชีพก็ไม่แพง  ความเป็นอยู่ดี อาหารอร่อย ที่สำคัญประเทศนี้เป็นต้นกำเนิดของ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง และทาร์ตไข่ ยิ่งถ้าได้มีโอกาสมาชิมทาร์ตไข่เจ้าอร่อย จะต้องติดใจจนอยากกลับมาที่ประเทศนี้อีกแน่นอน






สุดโรแมนติก ณ ควิเบก แคนาดา

“เมืองควิเบก” ( Quebec, Québec ) หรือภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า เกแบ็ก  ( Québec ) เป็นเมืองหลวงของ  รัฐควิเบก เป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุด...